ระบบ CC-Link IE TSN ได้เพิ่มมาตรฐาน TSN เพือช่วยเพิ่มการเปิดกว้างทางการใช้งาน ในขณะที่การทำงานของระบบมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

• CC-Link IE TSN's Protocol จะใช้งาน Layer ที่ 3 – 7 อ้างอิงตามรูปแบบโครงสร้าง OSI และเทคโนโลยี TSN จะติดตั้งอยู่บน Layer ที่ 2

(1) ผสมผสานระบบการควบคุมการสื่อสารและข้อมูลการสื่อสารเข้าด้วยกัน

• ด้วยการสื่อสารแบบเรียลไทม์ในขณะที่รวมการสื่อสารของเครือข่ายแบบเปิดอื่น ๆ และข้อมูลบนระบบไอทีบนเครือข่ายเดียวกันจะช่วยเพิ่มอิสระในการตั้งค่าและเชื่อมต่อระบบและลดค่าใช้จ่ายในการเดินสายได้

(2) วิธีการสื่อสารของเครือข่าย CC-Link IE TSN

• CC-Link IE แบบเดิมจะใช้วิธีการส่งแบบโทเค็น (token passing method) โดย Station จะโอนสิทธิ์การส่งข้อมูลไปยังสถานีถัดไปหลังจากทำการส่งข้อมูลของตัวเองเสร็จแล้วโดยการโอนโทเค็น
• CC-Link IE TSN ใช้การซิงโครไนซ์เวลาทั้งเครือข่าย (Time synchronization method) เฟรมการสื่อสารอินพุตและเอาต์พุตจะถูกส่งพร้อมกันทั้งสองทิศทางในเวลาที่กำหนด ซึ่งช่วยลดเวลาในการอัปเดตข้อมูลในวงจรเครือข่ายได้

• CC-Link IE TSN สามารถใช้รอบการสื่อสาร (communication cycles)หลายรอบภายในเครือข่ายเดียวกัน ทำให้สามารถรักษาประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่ต้องการวงจรการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น Servo Amplifier และอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ไม่ต้องใช้วงจรการสื่อสารความเร็วสูง เช่น Remote I / O เพื่อให้ตรงกับการใช้งานในแต่ละอุปกรณ์ สามารถปรับวงจรการสื่อสารให้เหมาะสมเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมการเคลื่อนไหวได้สูงสุดและลด tact time ได้

(3) ลดชั่วโมงการทำงานในการเริ่มต้นการทำงานและการบำรุงรักษา

• CC-Link IE TSN ยังรองรับโปรโตคอล SNMP อุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานเครือข่าย CC-Link IE TSN และอุปกรณ์สื่อสารแบบ IP Address เช่น สวิตช์และเราเตอร์ สามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบ SNMP ที่ใช้งานทั่วไปมาใช้งานในการวิเคราะห์ร่วมกันได้
• การซิงโครไนซ์เวลาถูกควบคุมโดยเทคโนโลยี TSN ซึ่งใช้เพื่อปรับเทียบความแตกต่างของเวลาระหว่างอุปกรณ์ที่เข้ากันได้กับเครือข่าย CC-Link IE TSN ทำให้การซิงโครไนซ์เวลามีความแม่นยำสูง ข้อมูลเวลาที่รวบรวมได้จากในอุปกรณ์ Master และอุปกรณ์ Slave จะถูกซิงโครไนซ์ในระดับไมโครวินาที หากเกิดข้อผิดพลาดของเครือข่ายจะทำให้สามารถตรวจสอบบันทึกการทำงานและติดตามเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ สามารถลำดับเวลาที่เกิดข้อผิดพลาดได้
• นอกจากนี้ยังสามารถให้ข้อมูลสถานที่ผลิตและข้อมูลเวลาที่ถูกต้องแก่ระบบไอทีได้อีกด้วย ช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับ AI สามารถปรับปรุงกระบวนการเพิ่มเติมด้วยวิธีการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ได้ (Predictive Maintenance)

(4) การเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้ด้วยวิธีการพัฒนาต่างๆ

• CC-Link IE TSN รองรับการใช้งานทั้งบนแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ ASIC และ FPGA) ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถพัฒนาด้วยซอฟต์แวร์โปรโตคอลสแต็กบนชิป Ethernet ทั่วไปได้สำหรับทั้งอุปกรณ์ Master และอุปกรณ์ Slave ในทุกกรณี และรองรับการเชื่อมต่อด้วย Bandwidth 100Mbit และ 1Gbit ในระดับ Physical layer ทุกกรณี
• ด้วยความยืดหยุ่นในการพัฒนานี้จะช่วยให้ผู้จำหน่ายอุปกรณ์สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีการที่เหมาะสมที่สุด สามารถช่วยลดเวลาในการพัฒนาและสามารถวางขายผลิตภัณฑ์ในตลาดได้รวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกในการใช้งานที่หลากหลาย

ด้วยการใช้มาตรฐาน TSN ทำให้เครือข่าย CC-Link IE TSN ไม่เพียงแต่ลดความซับซ้อนในการใช้อุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดการสื่อสารควบคุมความเร็วสูงด้วยโปรโตคอลที่ถูกออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมต่างๆ

(1) อุตสาหกรรมยานยนต์ (การทำสี)

• คุณสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากในกระบวนการพ่นสีรถยนต์ เช่น ข้อมูลคุณภาพการทำสี และข้อมูลการตรวจสอบอุปกรณ์ของหุ่นยนต์พ่นสีด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังรองรับการผลิตแบบแปรผันได้ด้วยการส่งข้อมูลสูตรสีที่หลากหลายไปยังอุปกรณ์ได้แบบเรียลไทม์
• ผนวกรวมการสื่อสารแบบทั่วไปและการสื่อสารเพื่อความปลอดภัย ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟและลดความผิดพลาดในการเดินสายลงอย่างมาก ฟังก์ชันลูปแบ็คที่มากับการเชื่อมต่อแบบแบบวงแหวน (Ring topology) ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของอุปกรณ์ในกรณีที่อุปกรณ์มีปัญหาและสามารถลดเวลาหยุดทำงานได้

(2) อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ (การเชื่อม)

• สามารถสื่อสารข้อมูลจำนวนมาก เช่น ข้อมูลชุดรูปแบบการทำงาน และข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับ ด้วยความเร็วสูงโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารเพื่อควบคุมอุปกรณ์
• แม้ว่าจะมี IPC ซึ่งเป็นตัวควบคุมอุปกรณ์หลัก แต่ฟังก์ชันหลักของเครือข่าย CC-Link IE TSN สามารถใช้งานด้วยซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่และใช้แบบเดิมที่เคยออกแบบไว้ในการทำงานได้ ซึ่งช่วยลดชั่วโมงการทำงานในการออกแบบลงได้มาก